ถ้าพูดถึงกล้อง Action Camera แล้วหละก็ เราเชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงกล้องจากแบรนด์ GoPro แบรนด์เจ้าตลาดกล้องจิ๋วตัวนี้อีกแล้วที่วันนี้เราได้หยิบยกเรื่องราวของกล้อง GoPro 10 มาแนะนำให้เหล่าสาวกได้จับจองกัน ซึ่งแน่นอนว่าในวาระครบรอบสวยๆ อย่างงี้ ก็ต้องจัดสเปคและฟีเจอร์เด็ดๆ มาให้สมฐานะแอคชั่นแคมเจ้าตลาดซะหน่อย แต่ว่าการจัดเต็มกล้องแบรนด์ดังตัวนี้จะไปรอดหรือไม่ เรามาลองดูจาก Review ตัวนี้ไปพร้อมๆ กันเลย
สรุปสเปคทั้งหมดของ GoPro 10 ที่น่าสนใจ
เริ่มต้นกันที่ความละเอียดของภาพที่ได้ละเอียดสูงถึง 23 ล้านพิกเซล HDR พัฒนาให้สวยคมชัดมากขึ้นซึ่งรองรับการบันทึกภาพ RAW และ Super Photos เพื่อให้การถ่ายภาพคุณภาพออกมาสูงและสวยงามที่สุดเพราะได้มีการพัฒนาชิปประมวลผลตัวใหม่ GP2 processor เพื่อรองรับการทำงานที่เร็วและเสถียรมากขึ้น พร้อมทั้งประหยัดพลังงานมากขึ้น
ในส่วบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียด 5.3K ที่ 60 เฟรมเรทต่อวินาที เป็นความสามารถในระดับกล้องมืออาชีพ และ 4K ที่ 120 เฟรมเรทต่อวินาที และยังสามารถถ่ายวิดีโอ ที่ 240 เฟรมเรทต่อวินาที ที่ความละเอียด 2.7K
ระบบกันสั่น HyperSmooth 4.0 ซึ่งทำให้การกันสั่นทำได้นิ่งและสวยงามมากกว่าเดิมด้วย รองรับการถ่ายแบบ slow motion ได้ถึง 8 เท่าจากวิดีโอปกติ ทำให้การถ่ายวิดีโอแอคชั่นหรือบรรยากาศที่เน้นความนุ่มนวลของเฟรมแบบช้า ๆ ทำได้ดีมากขึ้น TimeWarp 3.0 สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse ทำได้สวยงามมากกว่าที่เคย และทำงานได้ง่ายสำหรับคนทั่วไปรองรับการทำงานระบบ Live streaming ที่ยังคงให้ความละเอียดอยู่ที่ 1080p และที่เป็นจุดสุดยอดคือสามารถกันน้ำลึก 10 เมตร แบบไม่ต้องใช้ Housing อีกด้วย ว้าวเลยใช่ไหมละ
บอร์ดี้กล้อง
มาถึงส่วนของบอดี้กล้องกันบ้าง เริ่มต้นจากเมื่อแค่แกะออกจากกล่องก็คงต้องร้องอุ้ย! กันเลยละ เพราะ GoPro 10 เค้ามาในคอนเซปลดการใช้พลาสติก ตัวกล้องจะไม่ได้ซีลมา แต่กลับเป็นกระเป๋าเคสทั้งใบแทน อันเป็นที่มากระเป๋าใบนี้ ซึ่งรวมไปถึงการรองรับอุปกรณ์เสริมทุกชิ้นที่เคยใช้กับกล้องรุ่น Hero 9 Black ก็สามารถนำกลับมาใช้งานร่วมกับกล้องรุ่นปัจจุบันได้อีก ไม่ต้องเสียดายว่าจะกลายเป็นขยะแบบที่ผ่านมาอีก
ตัวกล้อง GoPro 10 นั้นก็ยังคงใกล้เคียงกับกล้อง GoPro รุ่นที่ผ่านมา แต่มีจุดที่ต่างไปจากเดิมนั่นคือ โล้โก้บนตัวกล้องที่เปลี่ยนสีจากขาวเป็นสีฟ้าแทน ส่วนผิวสัมผัสก็ยังคงเป็นพลาสติกสีดำด้านและหุ้มยางด้างหน้า – หลังกล้อง ส่วนหน้าจอนั้นก็ให้มาทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยที่จอด้านหน้าจะสามารถเลือกได้จะดูภาพจากกล้องลการตั้งค่าต่างๆ และด้านบนของจอจะเป็นสัญญาณไฟแสดงกายถ่ายทำ ส่วนจอหลักจะเป็นจอด้านหลังระบบ Touch Screen หน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้ค่อนข้างรวดเร็ว ส่วนปุ่มกดถ่ายนั้นจะอยู่ด้านบนกล้อง ด้านซ้ายเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด – ปิดกล้อง และเปลี่ยนโหมดถ่าย ด้านขวาก็จะเป็นช่องใส่แบตเตอรี่และ SD Card รวมถึงพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตรวมถึงถ่ายโอนไฟล์
โหมดและเมนูต่างๆ
ส่วนการใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องอ่านแต่อย่างไร เพราะการใช้งานเปลี่ยนหน้าต่าง เปลี่ยนโหมดต่างๆ นั้นใช้เพียงแค่การเลื่อนนิ้วไปมาแค่นั้นเอง นอกจากนี้เราสามารถปรับแต่ง หน้าจอข้างนอกได้ทั้งหมด 4 แบบได้แก่ ปิดไปเลย, เปิดแค่ตัวเลขของภาพ , เปิดหน้าจอแสดงเต็ม และ เปิดหน้าจอแบบ 16:9 ได้ และรวมถึงการเข้าไปตั้งค่า ภาษาและการเชื่อมต่อกับกล้องและมือถือซึ่งการเลื่อนนิ้วแต่ละทิศทางก็จะเปลี่ยนเป็นตามนี้
เลื่อนซ้าย – ขวา : เปลี่ยนโหมดการถ่ายระหว่างโหมด Timelapse, Video และ Photo
เลื่อนขึ้น : ดูหน้าต่าง Playback ภาพและวิดีโอที่ถ่ายมา
เลื่อนลง : เข้าหน้าต่าง Option การตั้งค่าต่างๆ ของกล้อง เช่น การตั้งค่าหน้าจอ การเชื่อมต่อกล้อง
ปัดล่างขึ้นบน จะเป็นการดูผลงานที่เราถ่ายมาก่อนหน้านี้ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ภายในสามารถ Crop วิดีโอได้และในแต่ละโหมดการถ่ายนั้นก็จะมีการตั้งค่าต่างๆ ที่คล้ายๆ กัน
โอนไฟล์ง่ายทันตาเห็น
หลายคนที่เคยใช้ GoPro รุ่นก่อนๆ คงจำกันได้ว่าการย้ายโอนไฟล์แต่ละครั้งนั้นยุ่งยากแค่ไหน แต่ GoPro 10 ได้มีการยกระดับการถ่ายโอนไฟล์ให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่การถ่ายโอนด้วยระบบ Cloud ที่คราวนี้ไม่จำกัดจำนวนและขนาดของไฟล์อีกต่อไป ส่วนการโอนไฟล์แบบไร้สายเข้ามือถือด้วยแอปพลิเคชัน Quik ที่ไว้ขึ้นถึง 30% และ GoPro10 ยังเพิ่มการโอนไฟล์ผ่านสาย USB ของกล้องเข้ากับมือถือผ่านขึ้นอีกด้วย
Battery
ข้อเสียหลักของกล้อง GoPro10 ก็คือแบตเตอรี่ 1720 mAh ที่ยังคงใช้รุ่นเดียวกับกล้อง GoPro Hero 9 Black อยู่ แต่การใช้งานนั้นหนักกว่ากล้องรุ่นเก่า ทำให้ใช้งานเมื่อชาร์จเต็มได้เพียงประมาณ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น และอีกข้อหนึ่งคือเรื่องความร้อนของตัวกล้องที่ร้อนค่อนข้างง่าย ซึ่งบางครั้งก็ทำให้กล้องทำงานได้ช้าลง และอาจหงุดหงิดในการใช้งานได้
คุณภาพของภาพนิ่งและวิดีโอ
- ภาพนิ่ง
มาถึงเรื่องของคุณภาพไฟล์ภาพและวิดีโอของเรา และด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต GP2 ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะภาพที่ได้ถือว่ามีความละเอียดที่ดีมากๆ แม้ว่าส่วนของสีอาจจะไม่โดดเด่นเท่า แต่พอเทียบกับรายละเอียดที่ได้ก็ถือว่าสอบผ่านฉลุยเพราะมีโหมดเสริมที่ช่วยถ่ายถึงสองโหมดด้วยกัน ได้แก่
โหมด Night Photo ที่เป็นโหมดสำหรับการถ่าย Long Exposure ที่ทำให้แสงไฟที่เคลื่อนไหวนั้นวิ่งเป็นเส้น
โหมด SuperPhoto ที่ช่วยให้คมชัด แก้อาการภาพเบลอและ Noise ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะใช้โหมด SuperPhoto ถ่ายกลางคืนและพยายามถือกล้องให้นิ่งไว้ด้วย เพื่อที่กล้องจะได้เก็บรายละเอียดภาพเอาไว้ได้มากที่สุด
- วิดีโอ
ภาพนิ่ง ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันกับความละเอียด 5.3K อีกทั้งมีระบบกันสั่นที่นิ่งมาก เพราะไม่ว่าจะวิ่งจะเดินขนาดไหนก็ยังคงความนิ่ง ลื่นไหลอยู่ แถมยังมี Horizon Lock ช่วยรักษาระนาบภาพให้ตรง ยิ่งทำให้ปัญหาภาพเอียงลดน้อยลงอีก และ สำหรับการถ่าย Timelapse แบบ Long Exposure ก็มีฟีเจอร์ Half & Half ที่ทำให้ระหว่างถ่ายโหมดดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนความเร็ววิดีโอให้เป็น Slow Motion ได้ชั่วคราว ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่าย Timelapse ของเราไม่น้อยทีเดียว
กล้อง GoPro 10 เหมาะกับใคร
จะพูดว่ากล้อง Action Camera ของ กล้อง GoPro 10 ตัวนี้ว่าทำได้ดีเลย เพราะด้วยคุณภาพของภาพถ่ายและวิดีโอที่ถือว่ายอดเยี่ยม มีความละเอียดภาพในระดับสูง และเก็บรายละเอียดแสงเงาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการถ่ายภาพกลางคืนที่ได้โหมด SuperPhoto มาช่วย ทำให้คุณภาพนั้นไม่ได้ด้อยลงแม้แต่น้อย และยังมีสารพัดโหมดช่วยต่างๆ มากมายมารองรับการถ่าย การถ่ายแม้จะดูเหมือนยุ่งยาก แต่การใช้งานนั้นง่ายมากๆ การตั้งค่าเปลี่ยนหน้าต่างไปมาทำได้ลื่นไหลพอสมควร แถมยังรองรับ Accessories ของกล้องรุ่นก่อนหน้าอย่าง GoPro Hero 9 Black ก็ยิ่งคุ้มค่า ทั้งสำหรับผู้ใช้เก่าที่อยากอัพสเปคกล้องใหม่ และผู้ใช้ใหม่ที่อยากลองกล้อง Action Cam ระดับท๊อป
สรุปให้สั้น ๆ เลยนะคะว่าสำหรับคนที่ยังลังเลตัดสินใจว่าจะซื้อ กล้อง GoPro 10 ดีมั้ยหรือลังเลว่าจะอัพรุ่นจากรุ่นเก่ามาใหม่คอนเฟิร์มให้เลยว่า กล้อง GoPro 10 ใช้งานจะดีกว่ามาก ๆ ด้วยชิปเซต GP2 ที่ทำให้การใช้งานและฟีเจอร์ทุกอย่าง X2 ในราคา 16,500 บาท ถือว่าคุ้มมาก ๆ ด้วยฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรอบนี้
อ่านบทความ รีวิว mirrorless ตัวเก่ง กล้อง Sony a6400 กับสเปคสุดจัดจ้าน