รูรับแสงคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับการถ่ายภาพ
รูรับแสง (Aperture) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของกล้องถ่ายภาพที่มีผลต่อปริมาณแสงที่เข้าสู่เซนเซอร์ในกล้อง โดยมันเป็นรูปร่างของรูที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดเพื่อควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่เซนเซอร์ในกล้อง
รวมทั้งยังมีผลต่อความลึกของภาพ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่บอกถึงส่วนของภาพที่อยู่ในโฟกัส (sharp focus) หรือส่วนของภาพที่คมชัด โดยรูรับแสงขนาดใหญ่ (เลข F น้อย) จะทำให้เกิดความลึกของภาพที่น้อย ซึ่งส่งผลให้วัตถุที่อยู่ใกล้กล้องและวัตถุที่อยู่ไกลจากกล้องสามารถเข้าโฟกัสพร้อมกันได้ ในขณะที่ขนาดเล็ก (เลข F มาก) จะทำให้เกิดความลึกของภาพที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้วัตถุที่อยู่ใกล้กล้องหรือวัตถุที่อยู่ไกลจากกล้องอยู่ในโฟกัสได้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น
วิธีการเปลี่ยนค่ารูรับแสง สามารถทำได้อย่างไร
สำหรับวิธีการเปลี่ยนค่ารูรับแสงในกล่องถ่ายนั้นมีอยู่หลากหลายวิธีแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นของกล้อง แต่ส่วนใหญ่จะมีวิธีทั้งหมดอยู่ 2 วิธีหลัก ดังนี้
1. โหมดอัตโนมัติ (Auto Mode)
โดยในโหมดนี้กล้องจะมีการปรับรูรับแสงให้เหมาะสมโดยเป็นการปรับแบบอัตโนมัติ โดยจะต้องดูจากค่าปริมาณแสงที่ตรวจจับได้จากเซ็นเซอร์ของกล้อง ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดถ่าย หรือผู้ที่ต้องการใช้วิธีง่าย ๆ ดังนั้นโหมดอัตโนมัติจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สะดวกง่ายดาย และประหยัดเวลา ทั้งยังได้ภาพที่แสงสวย ถ่ายได้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์
2. โหมดลักษณะควบคุม (Manual Mode)
สำหรับโหมดนี้จะสามารถควบคุมการตั้งค่ารูรับแสงได้เอง โดยไม่ใช่การตั้งค่าอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องมีการปรับเลข F-stop หรือจุดความสมดุลระหว่างรูรับแสงกับความเร็วของชัตเตอร์ ซึ่งการใช้โหมดนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเป็นมือโปร และต้องการรายละเอียดของภาพถ่ายที่คมชัด สามารถปรับให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพทุกสถานที่ ไม่ว่าจะแสงมากหรือแสงน้อย
เทคนิคการปรับค่ารูรับแสงให้ถ่ายรูปสวยเหมือนมือโปร
เทคนิคในการปรับค่ารูรับแสงมีอยู่หลากหลายวิธี แต่ถ้าอยากให้ได้ภาพสวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถปรับการตั้งค่าได้ดังนี้
1. แนะนำให้เลือก Manual Mode ซึ่งจะเป็นโหมดที่ใช้ในการควบคุมค่ารูรับแสง และค่าอื่น ๆ ได้อย่างเสรี สามารถปรับได้เองเพื่อให้เหมาะกับสภาพแสง เพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุด
2. เลือกค่า F-stop ที่เหมาะสม ซึ่งค่า F-stop น้อย (รูใหญ่) จะให้ปริมาณแสงมากขึ้น และทำให้ความลึกของภาพลดลง ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ทเรตหรือภาพที่ต้องการพื้นที่โฟกัสจำกัด ส่วนค่า F-stop มาก (รูเล็ก) จะให้ปริมาณแสงน้อยลง และทำให้ความลึกของภาพมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการความลึกของภาพเพิ่มเติม
3. ปรับความลึกของภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ (shutter speed) ซึ่งความเร็วชัตเตอร์เป็นอีกตัวแปรที่สามารถปรับเพื่อควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่เซนเซอร์ หากคุณเลือกใช้ค่า F-stop น้อย (รูใหญ่) ความเร็วชัตเตอร์อาจต้องถูกปรับเร็วขึ้นเพื่อป้องกันภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว ในขณะที่หากคุณเลือกใช้ค่า F-stop มาก (รูเล็ก) ความเร็วชัตเตอร์อาจต้องถูกปรับช้าลงเพื่อให้มีปริมาณแสงเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพ
4. สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ แนะนำว่าต้องทดลองและปรับแก้ไขไปเรื่อย ๆ เพื่อศึกษาว่าภาพในลักษณะนี้จะต้องใช้แสงเท่าไหร่ ลองถ่ายภาพในสภาพแสงและสภาพสิ่งแวดล้อมที่ต้องการ และดูผลลัพธ์ที่ได้
รูรับแสง (Aperture) มีความสำคัญต่อภาพถ่ายอย่างมากเนื่องจากสามารถควบคุมความลึกของภาพที่ถ่ายได้ โดยค่า F-stop ที่เล็กจะให้ความลึกของภาพกว้าง และค่า F-stop ที่ใหญ่จะทำให้ความลึกของภาพจำกัดลง รวมทั้งยังมีผลต่อปริมาณแสงที่เข้าสู่เซนเซอร์ของกล้อง โดยค่า F-stop ที่เล็กจะให้ปริมาณแสงมาก ในขณะที่ค่า F-stop ที่ใหญ่จะให้ปริมาณแสงน้อยลง ดังนั้นการปรับค่ารูรับแสงจะช่วยให้คุณควบคุมความลึกของภาพและปริมาณแสงเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ตรงตามความต้องการของคุณ เพราะฉะนั้นเทคนิคนี้เป็นเรื่องสำคัญควรทดลองและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ เชื่อได้ว่าภาพจะต้องออกมาสวยงามอย่างแน่นอน
อ้างอิง
www.pinterest.com
อ่านต่อที่ สถานที่ถ่ายรูป